ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเริ่มต้นที่จะสร้างครอบครัวนั้นต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อยเลย ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องมีการเตรียมตัวและวางแผนอย่างดี ในบทความนี้เราจะกล่าวถึงการเตรียมตัววางแผนการแต่งงานภายในระยะเวลา 3 ปี มาดูกันว่ามีเรื่องใดที่ต้องคำนึงถึงบ้าง
โดยทั่วไปแล้วหากจะจัดการงานแต่งงานหากไม่รวมแล้วจะมีค่าใช้จ่ายหลักๆอยู่ 4 ส่วนได้แก่ ค่าเรือนหอ ค่าสินสอด ค่าจัดงานและค่าใช้จ่ายอื่นๆ
1. เรือนหอ
เรือนหอนั้นอยู่ที่คู่รักตกลงกันว่าจะอยู่ที่ไหน และอยู่อย่างไรหลังแต่งงาน หากคู่ที่ต้องการซื้อเรือนหออาจจะต้องวางแผนเรื่องการเงินในระยะยาวไว้ด้วย
2. สินสอด
โดยทั่วไปแล้วสินสอดอาจจะเป็นได้ทั้งเงินสด ทองคำและเพชร ขั้นตอนแรกคู่รักจะต้องประเมินว่าสินสอดในการแต่งงานนี้ประมาณเท่าไหร่ และต้องมาดูว่าทรัพย์สินที่เรามีอยู่นั้นมีอะไรบ้างมีอยู่เท่าไหร่ มีครอบครัวช่วยด้วยหรือไม่ หากพิจารณทุกอย่างประกอบกันแล้วเราจะประเมินได้ว่าจะต้องวางแผนการเตรียมตัวต่อไปอย่างไร
3. ค่าจัดงาน
ค่าใช้จ่ายในส่วนของการจัดงานจะขึ้นอยู่กับขนาดความเล็ก-ใหญ่ของงาน ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดค่าใช้จ่ายในการจัดงาน ในส่วนของค่าใช้จ่ายในส่วนนี้อาจจะมีมากถึง 300,000-1,000,000 บาท ซึ่งเงินในส่วนนี้อาจจะมีส่วนที่ได้คืนจากซองที่ได้จากแขกที่มางาน
4. ค่าใช้จ่ายอื่นๆ
ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้อาจจะเป็นค่าชุดค่า ค่าเดินทาง หรือเกี่ยวกับการจัดการในการจัดงานเล็กๆน้อยๆเป็นต้น
หากอีก 3 ปี จะแต่งงานจะต้องเริ่มเตรียมตัวอย่างไร?
1. ประเมินเงินสะสมและทรัพย์สมบัติที่มีอยู่
ก่อนอื่นควรประเมินเงินสะสมและทรัพย์สมบัติที่มีว่ามีอยู่เท่าใด สามารถแบ่งส่วนใดมาเป็นค่าสินสอดได้บ้าง หรือหากว่ามีเงินตั้งต้นอยู่บ้างก็จะสามารถนำไปต่อยอดให้เงินเติบโตต่อไปได้
2. ตั้งงบประมาณไว้ บนความต้องการที่เป็นไปได้
การกำหนดความต้องการในการจัดงานนั้นก็จะสัมพันธ์กับค่าใช้จ่ายในการจัดงานที่เราได้กล่าวไปข้างต้น (นอกเหนือจากค่าเรือนหอเนื่องจากเป็นการต้องวางแผนในระยะยาว)ได้แก่สินสอด ค่าจัดงานและค่าใช้จ่ายอื่นๆ โดยลองประมาณการว่าทั้งหมดทั้งมวลนี้จะต้องใช้เงินจำนวนเท่าไหร่ และกำหนดเป้าหมายในการเก็บเงินให้ชัดเจน เพื่อที่จะนำไปสู่การหาเงินในส่วนนี้
3. มีแรงสนับสนุนจากผู้อื่นหรือไม่ ?
ในข้อนี้อาจจะอยู่ที่การตกลงกันของคู่รัก บางคู่ฝ่ายชายอาจจะเก็บฝ่ายเดียวหรือบางคู่อาจจะช่วยกันเก็บเงิน หรือบางคู่คุณพ่อคุณแม่อาจจะช่วยเหลือเงินบางส่วนในการจัดงานครั้งนี้ ซึ่งก็จะทำให้เราทราบว่าเราต้องหาเงินเพิ่มอีกเท่าไหร่จึงจะพอกับงบประมาณที่ตั้งไว้
4. เก็บเงินและลงทุน
การเก็บเงินนั้นหากไม่มีการลงทุนเลยอาจจะต้องประเมินว่าในแต่ละปีเราต้องเก็บเงินให้ได้เท่าไหร่ แล้วค่อยๆลงมาว่าในแต่ละเดือนนั้นเราต้องหักเงินเพื่อเก็บเดือนละเท่าไหร่ให้ถึงเป้าหมายที่เราตั้งไว้
อีกทางเลือกหนึ่งคือวางแผนการลงทุน ในระยะเวลา 3 ปีนั้นสามารถวางแผนการลงทุนได้ โดยจะต้องเลือกพอร์ตการลงทุนที่ภายในระยะเวลา 3 ปีนี้ให้ผลตอบแทนตอบโจทย์กับเป้าหมายของเงินที่เราตั้งไว้
5. การวางแผนหลังแต่งงาน
ในระยะเวลา 3 ปีนั้นเป็นระยะเวลาที่ยังสามารถวางแผนและเตรียมตัวเพื่อการแต่งงานได้ แต่การแต่งงานเป็นเพียงจุดเริ่มต้น เนื่องจากว่าหลังแต่งงานแล้วชีวิตของคนทั้งคู่ก็จะเปลี่ยนไปด้วย เช่น รายรับรายจ่าย หรือการเดินทาง ภาษีของรายได้ ฯลฯ ที่จะต้องเปลี่ยนไป ดังนั้นนอกจากคู่รักจะต้องเตรียมตัวเพื่อแต่งงานแล้ว การวางแผนการใช้ชีวิตหลังแต่งงานก็สำคัญไม่แพ้กัน